ประวัติความเป็นมา
กีฬาบาสเกตบอลมีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า หนึ่งร้อยปี จากปี พ.ศ. 2434 จนถึงปัจจุบัน กีฬาบาสเกตบอลที่กำเนิดขึ้น ที่เมืองสปริงฟิล รัฐแมสซาชูเซส สหรัฐอเมริกา โดย DR. JAMES NAISMITH อาจารย์วิชาพละประจำโรงเรียนคนงานคริสเตียน ซึ่งปัจจุบันเป็นวิทยาลัยสปริงฟิล
ขณะนั้น DR. JAMES ต้องการให้มีการแข่งขันกีฬาในร่มสำหรับนักเรียนในช่วงฤดูหนาว โดยตั้งกฏกติกาขึ้นมาให้ 5 ข้อ คือ นักกีฬาใช้มือเล่นลูกบอล, นักกีฬาห้ามถือลูกบอลวิ่ง, นักกีฬาสามารถที่จะยืนตำแหน่งใดก็ได้ในสนาม, นักกีฬาห้ามปะทะแตะเนื้อต้องตัวกัน และห่วงประตูอยู่เหนือพื้นสนาม ติดตั้งขนานกับขอบสนาม
ปี พ.ศ. 2439 ได้มีการจัดตั้งกีฬาสมาคมสมัครเล่นขึ้น จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2475 บาสเกตบอลเป็นที่สนใจและเป็นที่นิยมของคนทั่วโลก และสามารถกล่าวได้ว่า บาสเกตบอลเป็นกีฬามาจาก สหรัฐอเมริกา (USA.) ในปีเดียวกัน สมาคมบาสเกตบอล ได้จัดการประชุมสัมมนา ณ กรุงเจนีวา (Genrva) และได้มีประเทศก่อตั้งสหพันธ์บาสเกตบอลสมัครเล่นนานาชาติ (FIBA) รวม 8 ประเทศ
FIBA เป็นสหพันธ์ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อกำหนดและจัดทำกติกาบาสเกตบอล
ซึ่งกีฬาบาสเกตบอลได้รับความนิยมอย่างมากจนมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกฏกติกาได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็นกฏเกณฑ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
กติกาบาสเกตบอล
- สามารถโยนลูกบอลด้วยมือข้างเดียวหรือสองมือ
- สามารถตีลูกบอลด้วยมือข้างเดียวหรือสองมือ แต่ต้องไม่ใช้กำปั้น
- ห้ามถือลูกบอลวิ่งต้องโยนลูกบอลจากจุดที่ถือลูกบอล ผู้เล่นสามารถวิ่งเพื่อคว้าบอล
- ต้องถือลูกบอลด้วยมือ แขนหรือลำตัว ห้ามดึงลูกบอล
- ห้ามใช้ไหล่ดัน ผลัก ดึง ตบหรือตี ฝ่ายตรงข้าม หากเกิดการละเมิดให้ถือเป็น ฟาล์ว หาก กระทำซ้ำอีก ถือเป็น ฟาล์วเสียสิทธิ์ จนกว่าจะเกิดการยิงประตูเป็นผลในคราวต่อไป หรือเกิดผู้เล่นบาดเจ็บของผู้เล่นตลอดการแข่งขัน ห้ามเปลี่ยนตัวผู้เล่น
- การฟาล์วเป็นการกระแทกลูกบอลด้วยกำปั้นและการผิดระเบียบของกติกา ข้อ 3, 4 และตาม รายละเอียดตามกติกาข้อ 5
- หากผู้เล่นฝ่ายเดียวกันกระทำฟาล์วติดต่อกัน 3 ครั้ง ให้นับคะแนน (การฟาล์วติดต่อกัน หมายถึง เป็นการฟาล์วที่ไม่มีการฟาล์วของฝ่ายตรงข้ามคั่นระหว่างการฟาล์วติดต่อนั้น)
- เมื่อลูกบอลถูกตี หรือโยนจากพื้นเสข้าประตู ให้นับคะแนน หากลูกบอลค้างก้านห่วงโดยผู้ เล่นฝ่ายป้องกันสัมผัสหรือกระทบประตู ให้นับคะแนน
- เมื่อลูกบอลออกนอกสนามให้ส่งบอลเข้าเล่นที่สัมผัสลูกบอลครั้งแรกในกรณี ที่มีผู้คัดค้าน กรรมการผู้ร่วมตัดสิน (Umpire) จะโยนบอลเข้าไปในสนาม ผู้เล่น ที่ส่งบอลสามารถใช้เวลาได้ 5 วินาที หากเกินกว่านั้นฝ่ายตรงข้ามได้ส่งบอลแทน หากมีการคัดค้านและทำให้การแข่งขัน ล่าช้า กรรมการผู้ร่วมตัดสิน (Umpire) สามารถขานฟาล์วเทคนิค
- กรรมการผู้ร่วมตัดสิน (Umpire) มีหน้าที่ตัดสินและจดบันทึดการฟาล์ว เกิดฟาล์วต่อกัน ครบ 3 ครั้ง ให้แจ้งต่อผู้ตัดสิน (Referee) และสามารถให้ฟาล์วเสียสิทธิ์ ตามกติกาข้อ 5
- ผู้ตัดสิน (Referee) มีหน้าที่ตัดสินชี้ขาด เมื่อลูกบอลเข้าสู่การเล่นในพื้นที่ของเขาและเป็นผู้ จับเวลา, ให้คะแนนเมื่อเกิดการยิงประตูเป็นผล, จดบันทึกคะแนนและรับผิดชองตามพื้นที่
- เวลาการแข่งขัน แบ่งเป็น 2 ครึ่ง ๆละ 15 นาที พัก 5 นาที
- เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน ฝ่ายที่ทำคะแนนมากกว่าเป็นผู้ชนะ กรณีมีคะแนนเท่ากันให้ หัวหน้าทีมตกลงกันเพื่อแข่งขันต่อจนกว่ามีฝ่ายใดทำคะแนนได้
ที่มาของแหล่งข้อมูล เว็บไซต์ EDUCATEPARK

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 4.0 International.